วันพุธ ที่25 มกราคม 2560 (เวลา : 09.00-12.30 น.)
เนื้อหาการเรียนการสอน
4. เด็กที่มีความบกพร่องทางการพูดและภาษา (Children with Speech and Language Disorders)
เด็กที่มีความบกพร่องทางการพูด
หมายถึง เด็กที่มีความบกพร่องซึ่งเกิดจากการพูดผิดปกติ ในด้านความชัดเจนในการปรับปรุงแต่งระดับและคุณภาพของเสียง จังหวะและขั้นตอนของเสียงพูด
1. ความบกพร่องในด้านการปรุงเสียง (Articulator Disorders)
•เสียงบางส่วนของคำขาดหายไป "ความ" เป็น "คาม"
•ออกเสียงของตัวอื่นแทนตัวที่ถูกต้อง "กิน" "จิน" กวาด ฟาด
•เพิ่มเสียงที่ไม่ใช่เสียงที่ถูกต้องลงไปด้วย "หกล้ม" เป็น "หก-กะ-ล้ม"
•เสียงเพี้ยนหรือแปล่ง "แล้ว" เป็น "แล่ว"
2. ความบกพร่องของจังหวะและขั้นตอนของเสียงพูด (speech Flow Disorders)
•พูดไม่ถูกตามลำดับขั้นตอน ไม่เป็นไปตามโครงสร้างของภาษา
•การเว้นวรรคตอนไม่ถูกต้อง
•อัตราการพูดเร็วหรือช้าเกินไป
•จังหวะของเสียงพูดผิดปกติ
•เสียงพูดขาดความต่อเนื่อง สละสลวย
3. ความบกพร่องของเสียงพูด (Voice Disorders)
•ความบกพร่องของระดับเสียง
•เสียงดังหรือค่อยเกินไป
•คุณภาพของเสียงไม่ดี
ความบกพร่องทางภาษา
หมายถึง การขาดความสามารถที่จะเข้าใจความหมายของคำพูด และ/หรือไม่สามารถแสดงความคิดออกมาเป็นถ้อยคำได้
1. การพัฒนาการทางภาษาช้ากว่าวัย (Delayed Language)
•มีความยากลำบากในการใช้ภาษา
•มีความผิดปกติของไวยากรณ์และโครงสร้างของประโยค
•ไม่สามารถสร้างประโยคได้
•มีความบกพร่องทางเชาว์ปัญญา อารมณ์ สมองผิดปกติ
•ภาษาที่ใช้เป็นภาษาห้วน ๆ
2. ความผิดปกติทางการพูดและภาษาอันเนื่องมาจากพยาธิสภาพที่สมอง โดยทั่วไปเรียกว่าDysphasia หรือ aphasia
•อ่านไม่ออก (alexia)
•เขียนไม่ได้ (agraphia )
•สะกดคำไม่ได้
•ใช้ภาษาสับสนยุ่งเหยิง
•จำคำหรือประโยคไม่ได้
•ไม่เข้าใจคำสั่ง
•พูดตามหรือบอกชื่อสิ่งของไม่ได้
Gerstmann’s syndrome
- ไม่รู้ชื่อนิ้ว (finger agnosia)
- ไม่รู้ซ้ายขวา (allochiria)
- คำนวณไม่ได้ (acalculia)
- เขียนไม่ได้ (agraphia)
- อ่านไม่ออก (alexia)
ลักษณะของเด็กบกพร่องทางการพูดและภาษา
•ในวัยทารกมักเงียบผิดธรรมชาติ ร้องไห้เบา ๆ และอ่อนแรง
•ไม่อ้อแอ้ภายในอายุ 10 เดือน
•ไม่พูดภายในอายุ 2 ขวบ
•หลัง 3 ขวบแล้วภาษาพูดของเด็กก็ยังฟังเข้าใจยาก
•ออกเสียงตัวสะกดไม่ได้
•หลัง 5 ขวบ เด็กยังคงใช้ภาษาที่เป็นประโยคไม่สมบูรณ์ในระดับประถมศึกษา
•มีปัญหาในการสื่อความหมาย พูดตะกุกตะกัก
•ใช้ท่าทางในการสื่อความหมาย
5. เด็กที่มีความบกพร่องทางร่างกายและสุขภาพ
(Children with Physical and Health Impairments)
•เด็กที่มีอวัยวะไม่สมส่วน
•อวัยวะส่วนใดส่วนหนึ่งหายไป
•เจ็บป่วยเรื้อรังรุนแรง
•มีปัญหาทางระบบประสาท
•มีความลำบากในการเคลื่อนไหว
โรคลมชัก (Epilepsy)
•เป็นลักษณะอาการที่เกิดเนื่องมาจากความผิดปกติของระบบสมอง
•มีกระแสไฟฟ้าที่ผิดปกติและมากเกินปล่อยออกมาจากเซลล์สมองพร้อมกัน
1.การชักในช่วงเวลาสั้น ๆ (Petit Mal)
•อาการเหม่อนิ่งเป็นเวลา 5-10วินาที
•มีการกระพริบตาหรืออาจมีเคี้ยวปาก
•เมื่อเกิดอาการชักเด็กจะหยุดชะงักในท่าก่อนชัก
•เด็กจะนั่งเฉย หรือเด็กอาจจะตัวสั่นเล็กน้อย
2.การชักแบบรุนแรง (Grand Mal)
•เมื่อเกิดอาการชัก เด็กจะส่งเสียง หมดความรู้สึก ล้มลง กล้ามเนื้อเกร็ง เกิดขึ้นราว 2-5 นาที จากนั้นจะหาย และนอนหลับไปชั่วครู
3.อาการชักแบบ Partial Complex
•มีอาการประมาณไม่เกิน 3 นาที
•เหม่อนิ่ง
•เหมือนรู้สึกตัวแต่ไม่รับรู้และไม่ตอบสนองต่อคำพูด
•หลังชักอาจจำเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นไม่ได้ และต้องการนอนพัก
4.อาการไม่รู้สึกตัว (Focal Partial)
•เป็นอาการที่เกิดขึ้นในระยะสั้น เด็กไม่รู้สึกตัว อาจทำอะไรบางอย่างโดยที่ตัวเองไม่รู้ เช่น ร้องเพลง ดึงเสื้อผ้า เดินเหม่อลอย แต่ไม่มีอาการชัก
5.ลมบ้าหมู (Grand Mal)
•เมื่อเกิดอาการชักจะทำให้หมดสติ และหมดความรู้สึกในขณะชักกล้ามเนื้อเกร็งหรือแขนขากระตุก กัดฟัน กัดลิ้น
การปฐมพยาบาลขั้นพื้นฐาน ในกรณีเด็กมีอาการชัก
•จับเด็กนอนตะแคงขวาบนพื้นราบที่ไม่มีของแข็ง
•ไม่จับยึดตัวเด็กขณะชัก
•หาหมอนหรือสิ่งนุ่มๆรองศีรษะ
•ดูดน้ำลาย เสมหะ
เศษอาหารออกจากปาก เพื่อให้ทางเดินหายใจโล่ง
•จัดเสื้อผ้าเด็กให้หลวม
•ห้ามนำวัตถุใดๆใส่ในปาก
•ทำการช่วยหายใจโดยวิธีการเป่าปากหากเด็กหยุดหายใจ
•การเป็นอัมพาตเนื่องจากระบบประสาทสมองพิการ
หรือเป็นผลมาจากสมองที่กำลังพัฒนาถูกทำลายก่อนคลอด ระหว่างคลอด หรือหลังคลอด
•การเคลื่อนไหว การพูด
พัฒนาการล่าช้า เด็กซีพี มีความบกพร่องที่เกิดจากส่วนต่าง ๆ ของสมองแตกต่างกัน
1.กลุ่มแข็งเกร็ง (spastic)
•spastic hemiplegia อัมพาตครึ่งซีก
•spastic diplegia อัมพาตครึ่งท่อนบน
•spastic paraplegiaอัมพาตครึ่งท่อนบน
•spastic quadriplegia อัมพาตทั้งตัว
•2.กลุ่มที่มีการเคลื่อนไหวที่เกิดขึ้นเอง(athetoid , ataxia)
- athetoid อาการขยุกขยิกช้า ๆ
หรือเคลื่อนไหวเร็วๆที่เท้า แขน มือ หรือที่ใบหน้าของ เด็กบางรายอาจมีคอเอียง
ปากเบี้ยวร่วมด้วย
- ataxia มีความผิดปกติในการทรงตัวของร่างกาย
กล้ามเนื้อทำงานไม่ประสานกัน
3.
กลุ่มอาการแบบผสม
(Mixed)
โรคทางระบบกระดูกกล้ามเนื้อ (Orthopedic)
- ระบบกระดูกกล้ามเนื้อพิการแต่กำเนิด เช่น
เท้าปุก (Club Foot) กระดูกข้อสะโพกเคลื่อนอัมพาตครึ่งท่อนเนื่องจากกระดูกไขสันหลังส่วนล่างไม่ติด (Spina Bifida)
- ระบบกระดูกกล้ามเนื้อพิการด้วยโรคติดเชื้อ
(Infection) เช่น วัณโรค
กระดูกหลังโกง กระดูกผุ เป็นแผลเรื้อรังมีหนอง เศษกระดูกผุ
- กระดูกหัก ข้อเคลื่อน
ข้ออักเสบ
ลักษณะของเด็กบกพร่องทางร่างกายและสุขภาพ
•มีปัญหาเกี่ยวกับการทรงตัว
•ท่าเดินคล้ายกรรไกร
•เดินขากะเผลก
หรืออึดอาดเชื่องช้า
•ไอเสียงแห้งบ่อย ๆ
•มักบ่นเจ็บหน้าอก
บ่นปวดหลัง
•หน้าแดงง่าย
มีสีเขียวจางบนแก้ม ริมฝีปากหรือปลายนิ้ว
•หกล้มบ่อย ๆ
•หิวและกระหายน้าอย่างเกินกว่าเหตุ
ความรู้ที่ได้รับ
- ความรู้ต่อจากสัปดาห์ที่แล้ว ซึ่งเป็นความรู้เกี่ยวกับประเภทของเด็กพิเศษ
การนำไปใช้
- ใช้ในการเรียนการสอนในอนาคต เพื่อนทำความเข้าใจแก่เด็กพิเศษมากขึ้น
- ให้ความรู้ผู้ปกครองในการทำความเข้าใจเด็กที่มีความต้องการพิเศษมากขึ้น
การประเมิน
- ผู้สอน แต่งกายสุภาพเรียร้อย มากตรงเวลา และสอนสนุก ผ่อนคลาย
- ผู้เรียน ตั้งใจเรียน และมีการซักถามผู้สอนตลอดหากไม่เข้าใจ